จากนั้นมาดูอุโมงค์ หนึ่งในหลายๆอุโมงค์ที่ทหารเกาหลีเหนือขุดไว้ให้มาโผล่อีกฝั่งเกาหลีใต้ ที่พาไปคืออุโมงค์ที่ 3 คาดว่าอุโมงค์แบบนี้น่าจะมีทั้งหมดมากกว่า 10 อุโมงค์ แต่ยังไม่เจอทั้งหมด ปากอุโมงค์แห่งที่ 3 นี้ห่างจากกรุงโซลแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น
ถ้าทหารเป็นกองพันวิ่งมาพร้อมกันจากหลายอุโมงค์ก็คงจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ไม่ยาก และนี่คือหนึ่งในความปราถนาดีอย่างสุดหัวใจของทหารเกาหลีเหนือ มาสู่ประชาชนชาวกรุงโซลของเกาหลีใต้ทุกคน ก่อนเข้าชมจะมีนายทหารหนุ่มเกาหลีรูปหล่อมาบรรยายถึงความเป็นมาของอุโมงค์ให้ทราบ

อุโมงค์ที่ 3 เป็นอุโมงค์ที่เกาหลีเหนือแอบขุดเข้ามาในเกาหลีใต้ แต่ทางเกาหลีใต้รู้ตัวก่อน จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 4 อุโมงค์ แต่อุโมงค์นี้อยู่ใกล้โซลที่สุดเลยทำเอาชาวเกาหลีใต้ผวาไปเลยตอนที่เจออุโมงค์นี้ ก่อนจะเข้าไปต้องเอาสัมภาระฝากเข้าไว้ในล็อกเกอร์ก่อน ห้ามถ่ายรูปด้านในดังนั้นควรฝากกล้องถ่ายรูปไว้ที่ล็อกเกอร์ และต้องใส่หมวกกันน็อกก่อนลงไปเพราะอุโมงค์ค่อนข้างแคบ แต่ผมแอบถ่ายได้นิดหน่อย

หลังจากเดินเข้าไปดูอุโมงค์ที่ 3 แล้ว บริเวณด้านหน้าเป็นลาน Exhibition Hall ลานกว้างที่มักจะจัดกิจกรรม จัดนิทรรศการ ต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสงครามเกาหลีเหนือ โดยทั้งหมดนี้จะมุ่งเน้นหวังให้เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้กลับมารวมประเทศเป็นหนึ่งดังเดิม

เก็บตกทหารเกาหลีครับ.....(แถวๆๆนั้น)

ก่อนกลับ ท่านหัวหน้าคณะได้มอบของที่ระลึกให้กับน้องๆทหารไทยที่ปกิบัติหน้าที่อยู่ที่นั้น ที่กรุณามาช่วยอำนวยความสะดวก ครับ

เสร็จภารกิจ ช่วงเช้าเดินทางกลับเข้ากรุงโซลก่อนรับประทานอาหารเที่ยงแวะชมศูนย์โสมเกาหลี และศูนย์อาแมทิส(พลอยเนื้ออ่อนสีม่วง)
เนื่องการการรักษาความปลอดภัย ที่ 2 แห่งนี้ห้ามถ่ายรูปครับ พนักงานขายที่นี่พูดไทยคล่องมากครับ ทราบมาว่าเป็นคนไทยครับ ที่นี่จะมีพนักงานเกือบทุกชาติเพื่อให้การต้อนรับแก่นักท่องเที่ยว หลังจากนั้นได้เวลาอาหารเที่ยง มื้อนี้เป้นแบบฉบับข้าวยำเกาหลี ทานคู่กับซอสพริกของเกาหลี เสริฟมาในหม้อหินสไตล์เกาหลีร้อนๆ ที่เพิ่มความหอมให้ข้าวยำเกาหลี ส่วนประกอบ วัตถุดิบและเครื่องปรุง เนื้อหรือเนื้อหมู ผักต่างๆ แล้วแต่ชอบนะคะ ที่ฝนใช้มีดังนี้ค่ะ - ผักโขม - ถั่วงอกหัวโต - แครอท - แตงกวา - ซูกินี ทานคู่กับซุปหม้อร้อน

มื้อกลางวันผ่านไป แวะผ่อนคลายเดินเล่นย่อยอาหาร ก่อนไปช้อปปิ้ง

ได้เวลาช็อปปิ้ง ซื้อของฝาก ตามคำขอของคณะ ที่แรกเป็นห้างเครื่องสำอางค์โดยเฉพาะ ครีมหอยทากดังมากที่นั้น เข้ามาเจอแต่คนไทย
จิน ซัน ไม (jin sun mi duty free)

ต่อจาก jin sun mi ก้อไปต่ออีกที่ เป็น duty free พวกแบรน์เนม น้ำหอม ชอบมากๆๆๆๆ

ได้เวลาอาหารมื้อค่ำ มื้อนี้รับประทานแบบหรูหรามีระดับหน่อยครับ เป็น buffet นานาชาติ ภัตตาคาร el mareta เน้นขาปูยักษ์ รสชาดพอรับประทานได้ครับ ไม่เหมือนปูบ้านเรา ทานไปเกือบ 100 ขา ฮิฮิ