ตัวหอคอยจะเป็นกระจกโดยรอบ และมีกล้องส่องทางไกล(แต่ต้องเสียเงินครับ)ถึงจะสามารถดูได้...เมื่อเดินดูรอบๆแล้วจะมาถึงมุมที่หลายคนมาถึงที่นี่แล้วจะต้องบันทึกความทรงจำไว้ว่าได้มาเยือนที่นี่แล้ว...จะเป็นเซรามิคเล็กๆให้เขียนข้อความ(อะไรก็ได้)แล้วติดไว้

บริเวณรอบด้านของหอคอยจะมีที่ให้พักหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านเท็ดดี้แบร์ที่มีโอกาสต้อนรับสาวๆ อย่างไม่ขาดสาย เพราะมีเท็ดดี้แบร์หลายรูปหลายแบบให้เลือกซื้อกลับมาเป็นของฝาก และแม้จะห้ามถ่ายรูปในร้าน แต่เขาก็จัดมุมใว้ให้ชักภาพไว้เป็นที่ระลึกกับเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้ด้วย
- สำหรับคนที่เหนื่อยจากการเดินขึ้นเขามา ก็มีร้านกาแฟให้นั่งพักทั้งด้านบนยอดหอคอยและด้านล่าง รวมทั้งยังมีของฝากที่ระลึกและของเล็กๆ น่ารักขายอยู่ทั่วไป

ที่หน้าร้านก็มีครับ...

ขอเก็บภาพกับพระเอกของเรา...พระเอกของเราไม่แพงครับตัวใหญ่เมื่อเทียบเป็นเงินไทยตกราว 200,000.-บาท

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือกำแพงโดยรอบของหอคอยเอง จะมีแม่กุญแจแขวนอยู่เต็มไปหมด ด้วยการโปรโมทธีมส์ที่ว่า คู่รักคู่ไหนมาแขวนกุญแจด้วยกันจะรักกันยั่งยืนแยกกันไม่ออกนั่นเอง จึงไม่แปลกที่หอคอยแห่งนี้จะเต็มไปด้วยแม่กุญแจ

ณ จุดคล้องกุญแจรัก หรือ Love Key นี้คู่หนุ่มสาวนิยมมาคล้องด้วยกัน โดยเชื่อว่าจะสามารถนำพาความรักของทั้งคู่ไปยังจุดหมายปลายทางของถนนสายความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่รักเท่านั้นที่มาคล้องกุญแจรักนี้ หลายๆคนมาคนเดียว(เหมือนผม)แต่ก็สามารถอธิษฐานขอเรื่องความรักของตนเองได้ ที่สำคัญลงจากโซลทาวเวอร์แล้ว อย่าลืมโยนลูกกุญแจทิ้ง เพราะเมื่อลูกกุญแจสูญหาย ก็ไม่มีใครสามารถมาเปิดกุญแจรักที่คล้องไว้ ออกจากกันได้อีกต่อไป...โรแมนติกจังเลยครับ

ที่อยู่ข้างๆผมก็ไม่ได้คล้องกุญแจรักครับ...เพราะว่ามาคนเดียว...แค่อธิษฐานเท่านั้น...แต่ไม่มีใครบอกนะครับว่าอธิษฐานอะไร

แอบรักลูกของชาวบ้านอีกแล้ว 555 เด็กเกาหลีน่ารักมากแก้มยุ้ยเป้นสีชมพูเลย

ระหว่างเดินลงเขาลงเขานัมซานเพื่อไปที่จุดจอดรถ...สามารถเก็บภาพได้อีกครับ

หลายๆท่า...ทำได้ตามใจชอบ (ไม่มีใครรู้จักเรา)อิอิ